the-price-of-seo

การทำให้เว็บไซต์ปรากฏบนหน้าแรกของผลการค้นหาเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจออนไลน์หลายๆ แห่ง หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้คือการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์มีโอกาสปรากฏในตำแหน่งที่ดีขึ้นบนผลการค้นหา คีย์เวิร์ดเป็นหัวใจหลักในการทำ SEO เพราะคีย์เวิร์ดคือคำหรือวลีที่ผู้ใช้ค้นหาเมื่อพยายามหาข้อมูล สินค้า หรือบริการบนอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม การเลือกคีย์เวิร์ดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคีย์เวิร์ดแต่ละคำมีความต้องการและการแข่งขันที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อราคาที่ต้องใช้ในการทำ SEO

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมราคาของการทำ SEO ในแต่ละคีย์เวิร์ดถึงแตกต่างกันมาก บางคีย์เวิร์ดมีราคาสูงมากจนเกินกว่าที่คาดคิด ในขณะที่คีย์เวิร์ดอื่นๆ กลับมีราคาไม่แพงหรือถูกกว่าอย่างมาก ความแตกต่างนี้มาจากหลายปัจจัยที่ทำให้คีย์เวิร์ดแต่ละคำมีมูลค่าและความยากในการทำ SEO ที่ไม่เท่ากัน

ราคา key seo

ปัจจัยที่ทำให้ราคาคีย์เวิร์ดแตกต่างกัน

  1. ระดับการแข่งขันของคีย์เวิร์ด
    คีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงมักจะมีราคาสูง เนื่องจากมีเว็บไซต์หลายแห่งที่ต้องการอันดับที่ดีในผลการค้นหา สำหรับคำหรือวลีที่มีการแข่งขันสูง เช่น คำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูง หรือสินค้าที่มีผู้ซื้อจำนวนมาก จะต้องมีการลงทุนมากขึ้นในการทำ SEO เพื่อให้สามารถแข่งขันและติดอันดับในหน้าแรกของผลการค้นหา
    ตัวอย่างเช่น คีย์เวิร์ดอย่าง “รองเท้าวิ่ง” อาจมีราคาสูงเพราะมีผู้ขายหลายรายที่ต้องการโปรโมทสินค้าของตน ในทางตรงกันข้าม คีย์เวิร์ดเฉพาะกลุ่มหรือที่มีความเจาะจงมากขึ้น เช่น “รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิงเท้าแบน” อาจมีการแข่งขันน้อยกว่า และจึงมีราคาที่ต่ำกว่า
  2. ปริมาณการค้นหาของคีย์เวิร์ด
    ปริมาณการค้นหา (Search Volume) ของคีย์เวิร์ดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา คีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาสูงมักจะมีราคาสูง เนื่องจากมีความต้องการสูงที่จะปรากฏบนผลการค้นหาของคีย์เวิร์ดเหล่านี้ คีย์เวิร์ดที่คนค้นหาบ่อยๆ จะมีโอกาสทำให้เว็บไซต์ได้รับผู้เยี่ยมชมมากขึ้น แต่ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงเช่นกัน
    ตัวอย่างเช่น คำว่า “ซื้อบ้าน” อาจมีปริมาณการค้นหาสูงมาก เนื่องจากเป็นคำที่หลายคนใช้ค้นหา ทำให้มีราคาในการทำ SEO ที่สูง ในขณะที่คำว่า “ซื้อบ้านมือสองในเชียงใหม่” อาจมีปริมาณการค้นหาต่ำกว่า และมีราคาที่ถูกกว่า
  3. ความยากในการทำ SEO สำหรับคีย์เวิร์ด
    ความยากในการทำ SEO ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนและคุณภาพของเว็บไซต์ที่แข่งขันในคีย์เวิร์ดเดียวกัน ประวัติการทำ SEO ของเว็บไซต์นั้นๆ และปัจจัยทางเทคนิคอื่นๆ คีย์เวิร์ดที่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากในการทำ SEO มักจะมีราคาสูง
    คีย์เวิร์ดที่มีความยากสูงในการทำ SEO อาจต้องใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย เช่น การสร้างเนื้อหาคุณภาพ การเพิ่มลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์อื่นๆ และการปรับปรุงปัจจัยทางเทคนิคต่างๆ ของเว็บไซต์ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้ทรัพยากรและเวลามากขึ้น ทำให้ราคาของการทำ SEO สูงขึ้นตามไปด้วย
  4. ความตั้งใจในการค้นหาของผู้ใช้ (User Intent)
    ความตั้งใจในการค้นหาของผู้ใช้หมายถึงเป้าหมายที่ผู้ใช้มีเมื่อพิมพ์คีย์เวิร์ดลงในเครื่องมือค้นหา คีย์เวิร์ดที่มีความตั้งใจในการค้นหาที่ชัดเจน เช่น คีย์เวิร์ดที่มีการค้นหาเพื่อซื้อสินค้า หรือบริการ มักจะมีราคาสูงกว่าคีย์เวิร์ดที่มีความตั้งใจในการค้นหาที่ไม่ชัดเจน เช่น คีย์เวิร์ดที่ใช้เพื่อหาข้อมูลทั่วไป
    ตัวอย่างเช่น คีย์เวิร์ดอย่าง “ซื้อโทรศัพท์มือถือราคาถูก” แสดงถึงความตั้งใจในการซื้อสินค้า จึงมักมีราคาสูง เนื่องจากธุรกิจต้องการให้เว็บไซต์ของตนปรากฏอยู่ในอันดับต้นๆ ของผลการค้นหา เพื่อดึงดูดลูกค้าที่พร้อมจะซื้อสินค้า ในขณะที่คีย์เวิร์ดอย่าง “รีวิวโทรศัพท์มือถือ” อาจมีความตั้งใจในการค้นหาที่ไม่ชัดเจนและมีราคาที่ถูกกว่า
  5. ความสามารถในการทำกำไรของคีย์เวิร์ด
    คีย์เวิร์ดบางคำสามารถทำกำไรได้มากกว่าเพราะเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ประกันภัย หรืออสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการเหล่านี้มักจะยินดีจ่ายมากขึ้นเพื่อให้ได้อันดับที่ดีในผลการค้นหา
    ตัวอย่างเช่น คีย์เวิร์ดอย่าง “ประกันสุขภาพที่ดีที่สุด” อาจมีราคาสูงเพราะเกี่ยวข้องกับบริการที่มีมูลค่าสูงและสามารถทำกำไรได้มาก ในขณะที่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าทั่วไปที่มีมูลค่าต่ำกว่าอาจมีราคาที่ถูกกว่า

วิธีเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม

  1. วิเคราะห์ปริมาณการค้นหาและระดับการแข่งขัน
    การวิเคราะห์ปริมาณการค้นหาและระดับการแข่งขันของคีย์เวิร์ดช่วยให้สามารถเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดสำหรับการทำ SEO ควรเลือกคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาที่เพียงพอแต่ไม่สูงเกินไป และมีระดับการแข่งขันที่สามารถจัดการได้
  2. พิจารณาคีย์เวิร์ดเฉพาะกลุ่ม
    คีย์เวิร์ดเฉพาะกลุ่มหรือคีย์เวิร์ดย่อย (Long-tail Keywords) มักมีการแข่งขันน้อยกว่าและสามารถดึงดูดผู้เข้าชมที่มีความต้องการชัดเจนได้มากขึ้น คีย์เวิร์ดเหล่านี้มีโอกาสในการทำ SEO ที่ประสบความสำเร็จสูงขึ้นและมีราคาที่ถูกกว่า
  3. วิเคราะห์ความตั้งใจในการค้นหาของผู้ใช้
    การวิเคราะห์ความตั้งใจในการค้นหาของผู้ใช้ช่วยให้เข้าใจว่าผู้ใช้มีความต้องการอะไรเมื่อพิมพ์คีย์เวิร์ดลงในเครื่องมือค้นหา ควรเลือกคีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับสินค้าหรือบริการของคุณและมีโอกาสในการทำกำไรสูง
  4. เลือกคีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ
    การเลือกคีย์เวิร์ดควรสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาด คีย์เวิร์ดที่เลือกควรช่วยส่งเสริมธุรกิจและเพิ่มยอดขายได้จริง
seo Schematic

สรุปเกี่ยวกับราคาของการทำ SEO

ราคาของการทำ SEO ในแต่ละคีย์เวิร์ดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระดับการแข่งขัน ปริมาณการค้นหา ความยากในการทำ SEO ความตั้งใจในการค้นหาของผู้ใช้ และความสามารถในการทำกำไร คีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงและมีปริมาณการค้นหามากมักจะมีราคาสูงกว่า ในขณะที่คีย์เวิร์ดเฉพาะกลุ่มที่มีการแข่งขันน้อยกว่าอาจมีราคาที่ถูกกว่า การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดสำหรับการทำ SEO จำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์และการวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับการลงทุน

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับราคาของการทำ SEO

บางคีย์เวิร์ดมีราคาสูงเพราะมีระดับการแข่งขันสูง ปริมาณการค้นหามาก และความสามารถในการทำกำไรสูง ทำให้ธุรกิจต้องการติดอันดับในผลการค้นหาของคีย์เวิร์ดเหล่านี้มากขึ้น

คีย์เวิร์ดเฉพาะกลุ่มหรือคีย์เวิร์ดย่อย (Long-tail Keywords) เป็นคีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นและมักมีการแข่งขันน้อยกว่า คีย์เวิร์ดเหล่านี้สามารถดึงดูดผู้เข้าชมที่มีความต้องการชัดเจนได้มากขึ้น

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าสูงมักมีราคาสูง เพราะธุรกิจยินดีจ่ายมากขึ้นเพื่อให้ได้อันดับที่ดีในผลการค้นหา เนื่องจากสามารถทำกำไรได้มากจากการติดอันดับในคีย์เวิร์ดเหล่านี้

ความยากในการทำ SEO ส่งผลต่อราคาคีย์เวิร์ด เพราะคีย์เวิร์ดที่มีความยากสูงต้องใช้ทรัพยากรและเวลามากขึ้นในการทำ SEO ทำให้ราคาสูงขึ้น

ควรเลือกคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาที่เพียงพอและมีการแข่งขันที่สามารถจัดการได้ ควรพิจารณาคีย์เวิร์ดเฉพาะกลุ่มที่มีโอกาสในการทำ SEO สำเร็จสูงและมีราคาที่คุ้มค่า

ความตั้งใจในการค้นหาของผู้ใช้ส่งผลต่อราคาคีย์เวิร์ด เนื่องจากคีย์เวิร์ดที่มีความตั้งใจในการค้นหาชัดเจน เช่น คีย์เวิร์ดเพื่อซื้อสินค้า มักมีราคาสูงกว่าเนื่องจากมีโอกาสในการทำกำไรสูงกว่า