การดูแลผิวให้มีความยืดหยุ่นและกระชับเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น ความยืดหยุ่นของผิวจะลดลง ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย แต่ในยุคนี้มีหลายวิธีในการยกกระชับผิวที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ ในบทความนี้ เราจะสำรวจวิธีการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยม พร้อมอธิบายถึงวิธีที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับการลดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย
การยกกระชับผิว คืออะไร
การยกกระชับผิวเป็นกระบวนการที่ช่วยปรับรูปหน้าและฟื้นฟูความเต่งตึงของผิวหนัง โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นเมื่อมีการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินตามวัย ทำให้ผิวหนังเริ่มหย่อนคล้อย การยกกระชับผิวจึงมีหลายวิธีที่สามารถเลือกใช้ เช่น การใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียง (Ultrasound) หรือคลื่น RF (Radio Frequency) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง นอกจากนี้ ยังมีการฉีดสารเติมเต็มหรือโบท็อกซ์เพื่อลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวเรียบเนียน
แนะนำ 6 วิธียกกระชับผิว ที่แก้ปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อยได้ชะงัด
1. การฉีดโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โบท็อกซ์คือสาร Botulinum toxin ที่ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งมีผลทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าดูตื้นขึ้น วิธีนี้มักใช้ในการรักษาริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอยยิ้ม และรอบดวงตา ผลลัพธ์ที่ได้มักเริ่มเห็นภายใน 3-7 วัน และสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์คือผลลัพธ์ที่รวดเร็ว แต่มีข้อเสียคืออาจต้องกลับมาทำซ้ำเป็นประจำเพื่อรักษาผลลัพธ์
2. ฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการเติมเต็มบริเวณที่มีร่องลึก เช่น แก้ม ร่องน้ำหมาก และคาง ฟิลเลอร์ที่นิยมใช้คือไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งมีความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังการฉีด และสามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือนถึง 18 เดือน ข้อดีคือเห็นผลชัดเจนและรวดเร็ว แต่ฟิลเลอร์ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการทำโบท็อกซ์
3. ยกกระชับด้วย HIFU
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นการใช้คลื่นเสียงความเข้มสูงเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง วิธีนี้ไม่ต้องใช้การผ่าตัด และผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้หลังจากทำประมาณ 2-3 เดือน โดยจะอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นและเป็นวิธีที่ปลอดภัย แต่การทำ HIFU อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในระหว่างการทำ
4. Ulthera
Ulthera หรือ Ultherapy เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงในการยกกระชับผิว โดยเน้นไปที่ผิวชั้นลึก วิธีนี้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวมีความกระชับมากขึ้น ผู้ที่ทำ Ulthera จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 2-3 เดือนหลังการทำ โดยสามารถคงผลได้นานถึง 1-2 ปี ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นและผลลัพธ์ยาวนาน แต่ต้องทำการวิเคราะห์ก่อนทำเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน
5. Thermage
Thermage เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่น RF (Radio Frequency) ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ช่วยยกกระชับผิว โดยผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังการทำและสามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ข้อดีของ Thermage คือไม่ต้องพักฟื้น และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว แต่การทำ Thermage อาจมีค่าใช้จ่ายสูง
6. การผ่าตัดยกกระชับ
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก การผ่าตัดยกกระชับ (Facelift) อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด วิธีนี้เป็นการผ่าตัดที่ให้ผลลัพธ์ถาวร โดยจะมีการตัดและดึงผิวหนังส่วนเกินออกไป ผู้ที่ทำศัลยกรรมนี้มักจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน แต่การทำศัลยกรรมมีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงต้องใช้เวลาฟื้นตัวนาน
วิธีไหนดีที่สุด
การบอกว่าวิธีการยกกระชับผิวใดดีที่สุดนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เพราะแต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับผู้คนและสภาพผิวที่แตกต่างกันไป การเลือกวิธียกกระชับผิวจึงขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน รวมถึงงบประมาณและความต้องการส่วนบุคคล การเลือกวิธีที่เหมาะสมควรได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ การดูแลผิวในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ครีมกันแดด การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็สามารถช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผิวและลดการเกิดริ้วรอยได้
เพราะการลงทุนในสุขภาพผิวและการดูแลตัวเองถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ผิวที่สวยงามไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ แต่ยังบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดีของร่างกายโดยรวมด้วย ดังนั้นควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและความพึงพอใจในระยะยาวค่ะ
สำหรับใครไม่รู้จะเลือกวิธีไหนดีถึงจะเหมาะสม ติดต่อ Phuket Skin Center คลินิกเวชกรรมดูแลผิวพรรณที่เปิดให้บริการมากว่า 20 ปี เพื่อขอรับคำแนะนำแพทย์ประจำคลินิก และหากสนใจ เรามีบริการยกกระชับ ภูเก็ต โดยเฉพาะ ให้คุณมีผิวและใบหน้าที่ปราศจากริ้วรอย ความหย่อนคล้อย คืนความอ่อนเยาว์ ให้คุณกลับมามีผิวสวยใสเหมือนเด็กอีกครั้ง