แน่นอนว่า การใช้พลาสติกปูรองบ่อ เป็นวิธีที่นิยมในการสร้างบ่อเลี้ยงปลา บ่อตกปลา หรือบ่อเก็บน้ำ เพื่อใช้ในงานด้านเกษตรกรรมและอื่นๆ แต่หากไม่ระมัดระวังและดูแลได้ไม่ดีพอ ก็อาจทำให้พลาสติกเสียหายได้ง่าย และส่งผลต่อการใช้งานในระยะยาว ดังนั้น การดูแลรักษาพลาสติกปูรองบ่อ ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง ?
5 เรื่องต้องระวังของการใช้งานพลาสติกปูรองบ่อ
- เลือกชนิดของพลาสติก
เนื่องจากพลาสติกปูรองบ่อมีหลากหลายชนิด เช่น HDPE, LDPE, PVC โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและความเหมาะสมในการใช้งานที่ต่างกัน ดังนี้
- HDPE (High-Density Polyethylene) มีความแข็งแรง ทนทาน ทนต่อรังสียูวี เหมาะสำหรับบ่อขนาดใหญ่ บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีน้ำหนักมาก
- LDPE (Low-Density Polyethylene) มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการฉีกขาด เหมาะสำหรับบ่อขนาดเล็ก รูปทรงไม่สม่ำเสมอ
- PVC (Polyvinyl Chloride) มีราคาถูก หาซื้อง่าย แต่ไม่ทนต่อรังสียูวี เหมาะสำหรับงานชั่วคราว
2. ความหนาของพลาสติก
โดยจะต้องเลือกความหนาของพลาสติกให้เหมาะสมกับขนาดและความลึกของบ่อ เพื่อป้องกันการฉีกขาดและรั่วซึม เช่น บ่อขนาดเล็ก (น้อยกว่า 5000 ลิตร) ใช้พลาสติกหนา 0.5 มม. บ่อขนาดกลาง (5000-10000 ลิตร) ใช้พลาสติกหนา 0.75 มม. แบะบ่อขนาดใหญ่ (มากกว่า 10000 ลิตร) ใช้พลาสติกหนา 1 มม. ขึ้นไป
3. การติดตั้งและเชื่อมต่อแผ่นพลาสติก
การต่อและเชื่อมพลาสติกให้แน่นหนาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำ และควรติดตั้งพลาสติกปูรองบ่อให้เรียบตึง ไร้รอยต่อ โดยใช้เทคนิคการเชื่อมด้วยความร้อนหรือกาวเฉพาะ เพื่อป้องกันการรั่วซึม
หลีกเลี่ยงการเจาะรูบนพลาสติก หากจำเป็นต้องเจาะรู ควรใช้สว่านเจาะรูขนาดเล็ก และใช้แหวนรองเพื่อป้องกันการฉีกขาดของพลาสติก เช่น การเจาะรูเพื่อติดตั้งท่อหรืออุปกรณ์อื่นๆ
4. ป้องกันแสงแดดเพื่อยืดอายุการใช้งาน
แสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้นการป้องกันแสงแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็น อาจใช้สแลนในการคลุมบ่อ จะช่วยลดความร้อนจากแสงแดด และป้องกันไม่ให้พลาสติกเสื่อมสภาพเร็ว เช่น สแลนสีดำจะช่วยป้องกันแสงแดดได้ดีกว่าสแลนสีอื่นๆ การปลูกพืชน้ำหรือพืชริมบ่อจะช่วยให้ร่มเงา และยังช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำได้อีกด้วย เช่น บัว หรือผักตบชวา รวมถึงหลีกเลี่ยงการวางวัตถุที่มีสีเข้ม เนื่องจากวัตถุที่มีสีเข้มจะดูดซับความร้อน ทำให้พลาสติกบริเวณใกล้เคียงร้อนขึ้นและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
5. ตรวจสอบและบำรุงรักษาบ่อยๆ
การตรวจสอบและบำรุงรักษาบ่อเป็นประจำ จะช่วยให้บ่ออยู่ในสภาพที่ดีและใช้งานได้ยาวนาน เช่น หมั่นตรวจสอบรอยรั่วของพลาสติกปูรองบ่ออย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณรอยต่อและส่วนที่สัมผัสกับวัตถุแหลมคม สามารถใช้สบู่หรือผงซักฟอกผสมน้ำราดบริเวณที่สงสัยว่ามีรอยรั่ว หากมีฟองอากาศเกิดขึ้น แสดงว่ามีรอยรั่ว ควรซ่อมแซมทันที โดยใช้ชุดซ่อมพลาสติก หรือติดต่อช่างผู้ชำนาญ เพื่อทำการอุดรอยรั่ว รวมถึงหมั่นทำความสะอาดบ่อเป็นประจำ เพื่อกำจัดตะกอนและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดการอุดตัน โดยการใช้ปั๊มน้ำดูดตะกอนออกจากบ่อ
คำแนะนำเพิ่มเติม
- หลังจากปูพลาสติกแล้ว ควรตรวจสอบบ่อยๆ เพื่อดูว่ามีรอยรั่วหรือความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่
- อ่านฉลากบนบรรจุภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจคุณสมบัติและวิธีการใช้งานของผลิตภัณฑ์
- คำนึงถึงสภาพแวดล้อม
- ควรวัดขนาดบ่อให้ถูกต้องก่อนซื้อพลาสติก เพื่อป้องกันการซื้อพลาสติกที่มีขนาดเล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป
- หากพบรอยรั่ว ควรทำการซ่อมแซมทันที เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำรั่วซึมออก
ดังนั้น การสร้างบ่อเลี้ยงปลา บ่อกุ้ง หรือบ่อบำบัดน้ำเสีย นอกจากการเลือกขนาดและรูปทรงที่เหมาะสมแล้ว เรื่องสำคัญที่สุดคือ การเลือกและใช้งานพลาสติกปูรองบ่ออย่างถูกต้อง จะช่วยให้บ่อมีอายุการใช้งานยาวนาน ปลอดภัยสำหรับสัตว์น้ำ และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย